วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ดร.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 1 กล่าวถึง กรณีที่ประเทศไทยต้องซื้อยารักษาโควิด โมนูลพิราเวียร์ในราคาที่สูง ว่า “ปัจจุบันไทยสั่งซื้อยารักษาโควิด โมนูลพิราเวียร์ ผ่านบริษัทตัวแทนจำหน่าย ในราคารวมภาษีหมื่นกว่าบาท ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง สปป.ลาว และเวียดนาม วางจำหน่ายทั่วไปราวหนึ่งพันบาท เท่ากับราคาฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งใช้เป็นยาหลักในไทยทั้งที่ไม่ใช่ยารักษาโควิดโดยตรง”
“การที่ 105 ประเทศทั่วโลกในกลุ่มที่มีรายได้ยากจน-ปานกลางได้รับสิทธิในการเข้าถึงยารักษาโรคในราคาถูก เป็นผลจากการได้รับอนุมัติจากบริษัทพัฒนายา ขณะที่ไทยยังเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลาง ที่มีความเหลื่อมล้ำจากการถือครองทรัพย์สิน สูงเป็นที่ 1 ของโลก จากการจัดอันดับของสหประชาชาติ รัฐบาลต้องยอมรับในฐานะทางการเงินของประเทศและขอรับความช่วยเหลือ โดยเจรจาบริษัทผู้ผลิตยาให้ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาโควิดได้อย่างทั่วถึงเท่าเทียม โดยเฉพาะที่รัฐบาลพยายามทำให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นเพื่อลดรายจ่ายในการดูแลประชาชนลง แม้จะมียอดผู้ติดเชื้อสูงหลายหมื่นคนต่อวันโดยไม่ปรากฏในรายงานกองควบคุมโรค ตามที่ รมช. สาธารณสุขได้ชี้แจงไปแล้ว”
“รัฐควรบริหารต้นทุนการรักษาโควิด โดยมุ่งต่อรองราคาทั้งวัคซีน ยา และเวชภัณฑ์ เนื่องจากตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มียอดการสั่งซื้อสูงมาก การเจรจาจะทำให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพกว่าการพยายามลดจำนวนวันรักษา หรือลดค่าเสี่ยงภัยบุคลากรทางการแพทย์ การเข้าถึงยารักษาโควิดราคาถูกจะทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งสามารถซื้อและรักษาตนเองได้ ขณะที่กองทุนต่างๆ เช่น สปสช. ประกันสังคม ข้าราชการ สามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 แทนยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อป้องกันอาการปอดอักเสบ เมื่อผู้ป่วยหนักลดลง ก็จะลดค่าใช้จ่ายรักษาผู้ป่วยหนักลงได้มาก โดยตนเชื่อว่าวิธีนี้จะเป็นทางออกในการประกาศเป็นโรคประจำถิ่น” ดร.สุวดี กล่าว