"ไทยสร้างไทย" จี้ "ถอยไปก่อน" ยกเลิกสิทธิโควิดรักษาทุกที่ แนะสั่งซื้อเซรุ่ม Evusheild สำหรับผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง-นำเข้ายา paxlovid, sotrovimap ลดหนัก-ตายก่อน พร้อมเมื่อไหร่ถึงยกเลิก วันที่ 22 ก.พ.65 ดร.สุวดี พันธุ์พานิช รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม.เขต 1 กล่าวว่า ตามที่ ครม.เคยมีมติเห็นชอบข้อเสนอยกเลิกสิทธิโควิดรักษาทุกที่เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าจะเสนอให้ยกเลิกในวันที่ 1 มีนาคม 2565 นั้น พรรคไทยสร้างไทยได้เรียกร้องผ่านสื่อมาโดยตลอดว่าขอคัดค้านการยกเลิกสิทธิโควิดรักษาทุกที่ เนื่องจากแนวโน้มผู้ป่วยติดเชื้อมีมากขึ้น และกรอบอัตรากำลังบุคลากรทางการแพทย์ เตียงและอุปกรณ์โรงพยาบาลรัฐมีจำกัด การยกเลิกสิทธินี้เป็นการผลักภาระให้ประชาชน สร้างความเหลื่อมล้ำ ซ้ำเติมคนทุกข์ยาก รัฐบาลสั่งงานในห้องแอร์ พิจารณาจากรายงาน ไม่มีทางเข้าใจประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์
“โควิดสายพันธุ์โอมิครอน จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดว่าไม่มีความรุนแรงโดยการอ้างอิงจากประเทศอื่นได้ เนื่องจากชนิดของวัคซีนที่ประชาชนไทยส่วนใหญ่ได้รับมีปริมาณภูมิที่ต่างจากชนิดอื่น และยังไม่มีการจัดหาวัคซีนชนิดที่ใช้สำหรับสร้างภูมิให้กลุ่มผู้มีภูมิคุ้มกันความบกพร่อง แต่ที่เห็นได้ชัดคือ การแพร่ระบาดง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น ทำให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้มีปัญหาโรคภูมิคุ้มกัน ผู้มีโรคประจำตัวที่ควบคุมไม่ได้ และในกลุ่มผู้ป่วยต้องการฟอกไต ขณะที่เตียงที่พร้อมดูแลผู้ป่วยใกล้ชิดมีจำนวนจำกัด โดยเตียงส่วนใหญ่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลร่วมให้บริการโดยโรงพยาบาลเอกชนโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายประชาชนตามสิทธิ UCEP COVID” รัฐบาลต้องเตรียมความพร้อมเรื่องกระจายวัคซีน mRNA ให้ได้มากที่สุดและสั่งซื้อเซรุ่ม Evusheild สำหรับผู้ป่วยที่ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งมีตัวเลขประมาณการกว่า 500,000 คน ต้องไม่ใช้วัคซีนอื่นโดยไม่จำเป็น รวมถึงจัดหายารักษาโควิดชนิดที่ WHO รับรอง หรือมีผลการศึกษารับรอง เร่งขึ้นทะเบียนเป็นยาบัญชีหลักแห่งชาติสำหรับรักษาโควิด สำหรับผู้ติดเชื้อมีโรคประจำตัว เช่น paxlovid (ลดความรุนแรงของโรคจาก 6.3% เป็น 0.8%), sotrovimap (ลดความรุนแรงของโรค จาก 7% เป็น 1%) รวมถึงยาในผู้ป่วยอาการหนัก กลุ่มลดอาการอักเสบ เช่น baricitinip, tofacitinib, tocilizumab ซึ่งปัจจุบันใช้เพียง steroid แม้ได้ผลดีแต่มีผลข้างเคียงมาก เพื่อสนับสนุนให้เกิดความพร้อมในการรักษาและซักซ้อมทำความเข้าใจกับประชาชน ก่อนจะมีการยกเลิกสิทธิดังกล่าว หากโรงพยาบาลยังไม่พร้อม ประชาชนยังไม่พร้อม ขอให้รัฐบาล ถอยไปก่อนยาวๆ ดร.สุวดี กล่าว