สุวดี-ไทยสร้างไทย ร่วมถอดบทเรียนบริหารโรคระบาด ชี้รัฐบาลต้องบูรณาการฐานข้อมูล สื่อสารข้อเท็จจริง อย่าหักหาญน้ำใจพันธมิตร
วันที่ 28 ตุลาคม 2565 ดร.สุวดี พันธุ์พานิช กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 1 เข้าร่วมเสวนาเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบายทบทวนประสิทธิภาพและความเป็นธรรมในการบริหารจัดการโควิด-19 ของรัฐบาล ร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆ จัดโดย สถาบันวิจัยบทบาทชายหญิงและการพัฒนา สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี
ดร.สุวดี กล่าวว่า “ในช่วงวิกฤติโรคระบาดที่ผ่านมา พรรคไทยสร้างไทยได้ทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ตนและเพื่อนร่วมพรรคได้ลงพื้นที่เกาะติดทำงานดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งการตรวจคัดกรอง ติดตามวัคซีน ยา การหาเตียงให้ผู้ป่วยทั่วไป และผู้ป่วยเปราะบาง การชดเชยผู้ประกอบการ รวมถึงการทวงค่าเสี่ยงภัยโควิดให้บุคลากรทางการแพทย์”
“บทเรียนสำคัญที่รัฐบาลจะต้องเขียนไว้ข้างเตียงให้จำมั่น หากมีกรณีการระบาดของโรค คือ 1) รัฐต้องบริหารฐานข้อมูล Big Data ทำให้การใช้งานข้ามหน่วยงานไม่ติดขัด ประชาชนไม่ต้องลงทะเบียนใช้บริการ ลดขั้นตอนและเงื่อนไขการเข้ารับบริการ เปิดช่องทางพิเศษให้กับกลุ่มเปราะบาง และดูแลผู้ได้รับผลกระทบหลังจากเกิดโรคระบาดอย่างเหมาะสม 2) รัฐต้องเผยแพร่ข้อมูลการระบาดและที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา เพื่อสื่อสารกับประชาชนและสังคมโลก ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากต่อการศึกษาวิจัย และการปฏิบัติตัวของประชาชน 3) ให้ความจริงใจต่อพันธมิตร เมื่อเกิดโรคระบาดรัฐต้องแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ เอกชน และอาสาสมัคร เพื่อขยายพื้นที่ให้บริการ และเพิ่มชั่วโมงการทำงานไม่ให้ติดขัด”
“ที่ผ่านมารัฐกำหนดค่าตอบแทนในการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อ แต่พบว่ามีการลดค่าตอบแทนการรักษาโดยประกาศให้มีผลย้อนหลัง ทั้งมีการเพิ่มเงื่อนไขเปลี่ยนระบบเบิกจ่าย ทำให้ยังมีโรงพยาบาลจำนวนมากให้การรักษาผู้ป่วยแล้วแต่ติดค้างเบิกจากรัฐไม่ได้ รวมถึงการกำหนดค่าเสี่ยงภัยบุคลากรทางการแพทย์ แต่ปรับเปลี่ยนเอกสารเบิกจ่ายหลังครั้ง จ่ายชำระล่าช้าข้ามปี ความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติต่อพันธมิตรเช่นนี้ เป็นการหักหาญน้ำใจ เสี่ยงต่อการไม่ได้รับความร่วมมือในอนาคต”
“ประสบการณ์ของวิกฤตครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของภาครัฐซึ่งหลังจากนี้ รัฐควรถอดร่วมบทเรียนและนำมาเป็นนโยบายในการป้องกันและแก้ไขโรคอุบัติใหม่ไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยสูญเสียชีวิตประชาชนจำนวนมาก” ดร.สุวดี กล่าว
ทั้งนี้ ร่างผลการศึกษาของสถาบันวิจัยบทบาทชายหญิงและการพัฒนา สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี ในกลุ่มเปราะบาง พบอุปสรรค 4 ด้านใหญ่ๆ โดยสรุปดังนี้ 1) การเข้าไม่ถึงการรักษาของกลุ่มเปราะบาง เช่นการเข้าคิวตรวจรักษาในกลุ่มที่ไม่สะดวกรอคิว เช่น สูงอายุ พิการ ตั้งครรภ์ 2) การเข้าไม่ถึงข้อมูลในการดูแลตัวเอง เช่น เข้า app ไม่ได้จากการพิการดวงตา ขาดภาษามือ อักษรเบลล์ เป็นต้น 3) การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม ในกลุ่มหลากหลายทางเพศ 4) ขาดเสรีภาพและช่องทางในการสื่อสารกับรัฐเพื่อร้องเรียนการแก้ไขปัญหา โดยกิจกรรมวันนี้คณะผู้ศึกษาจะได้นำข้อเสนอแนะของพรรคไทยสร้างไทยไปร่วมทบทวนด้วย