วันนี้นิคจะขอพาทุกคนมารู้จัก “ภาวะสมองไหล”
ที่กำลังเกิดขึ้นในระบบสาธารณสุขไทยตอนนี้ค่ะ
.
“ภาวะสมองไหล”
เป็นคำที่หลายคนคงจะเคยได้ยินกันใช่ไหมคะ
🟠ซึ่งมีความหมายว่า กลุ่มคนที่มีศักยภาพ
พากันอพยพจากที่แห่งหนึ่งไปอยู่ที่อีกแห่งหนึ่ง
🟢ซึ่งที่ใหม่นั้นเป็นที่ที่ดีกว่า เงินดีกว่า และสวัสดิการดีกว่า
มันไม่ได้ถูกจำกัดไว้ใช้แค่ในวงการใดวงการเดียวค่ะ
เพราะมันเกิดขึ้นนานแล้วในวงการ “สาธารณสุขไทย” 🇹🇭
.
🚩ปัจจุบันเกิดภาวะ “หมอไหลออกจากโรงพยาบาล”
ทั้งไหลออกจากภาครัฐไปอยู่เอกชน
และไหลออกจากระบบสาธารณสุข
ออกไปประกอบธุรกิจของตนเอง
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร❓
.
นี่คือ 5 เหตุผลที่แพทย์ไทยกำลังเผชิญค่ะ
1 คนไข้ที่มี เกินการรองรับ👨👩👧👧
.
จากผลสำรวจในปัจจุบันระบุค่ะว่า
แพทย์ไทยโดยเฉลี่ย 1 คนต้องรองรับคนไข้ 1,250 คน
นอกจากนี้ผลสำรวจยังระบุด้วยค่ะว่า
มีผู้ป่วยนอกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
กว่า 300 ล้านครั้ง/ปีเลยค่ะ!
.
เทียบกันกับจำนวนแพทย์ที่ทางแพทยสภาประกาศว่า
มีจำนวน 68,642 คนในปี 2565
กับประชากรกว่า 66 ล้านคน (สำรวจในปี 2565)
จำนวนคนหลักล้านกับจำนวนกลุ่มคนเพียงหลักหมื่น
มองด้วยตาเปล่ายังรู้เลยค่ะว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน
.
นั่นจึงเป็นต้นเหตุให้คนไข้ล้นเกินกว่าจำนวนแพทย์ที่มี
และทำให้แพทย์ที่อยู่ภายในโรงพยาบาลรัฐ
รั่วไหลออกไปอยู่สังกัดเอกชน
หรือรั่วไหลออกไปยังองค์กรอื่นๆ ที่ไม่ต้องรองรับคนไข้เยอะขนาดนี้ค่ะ
.
.
2 จำนวนเงินที่ไม่คุ้มค่าเหนื่อย💰☹️
.
โดยการสำรวจพบว่า
แพทย์โรงพยาบาลรัฐบาล
ได้เงินเดือนเริ่มต้นเพียงแค่ 18,000 บาทเท่านั้นค่ะ
แต่สามารถเข้าเวร หรือรับเวรจากเพื่อนคนอื่นๆ
สะสมทบรวมกับเงินเดือนได้เรื่อยๆ
ซึ่งค่าเข้าเวรจะอยู่ที่รอบละ 3,000 บาทด้วยกัน
โดยเบ็ดเสร็จแล้ว แพทย์รัฐบาลจะมีเงินเดือนเฉลี่ยที่ 40,000-60,000 บาทค่ะ
.
ในขณะที่แพทย์จากโรงพยาบาลเอกชน
จะได้เงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000-140,000 บาทเลยทีเดียว
ซึ่งถือว่าต่างกันเกือบเท่าเลยค่ะ
จึงไม่น่าแปลกใจเลย
ที่ทำไมหมอโรงพยาบาลรัฐบาล
ถึงได้รั่วไหลออกไปจากระบบมากมายขนาดนี้
.
.
3 สวัสดิการที่ไม่ครอบคลุม
.
จากแบบสำรวจที่ให้แพทย์ 100 คนเข้าร่วมตอบคำถาม
ในวารสารแพทย์ปี 2559 พบว่า
แพทย์ร้อยละ 99 ลงความเห็นให้มีการดูแลสวัสดิการของแพทย์
เพื่อมาตรฐานในวิชาชีพและการดำรงชีวิตของแพทย์ด้วยค่ะ
อีกทั้งแพทย์ร้อยละ 88 ยังเห็นด้วยว่า
ควรให้แพทย์ทำงานไม่เกิน 80 ชั่วโมง/ต่อสัปดาห์
.
แม้จะเป็นการสำรวจความเห็นตั้งแต่ปี 2559
แต่ปัจจุบันแพทย์ที่ทำงานในระบบรัฐก็ยังต้องเจอเรื่องดังกล่าวอยู่
จากผลการสำรวจสำนัก Poll STC เปิดเผยว่า
สถิติแพทย์กว่าร้อยละ 60 ต้องทำงานมากกว่า 12 ชั่วโมง/วัน
และยังมีแพทย์อีกร้อยละ 30 ที่ทำงานมากกว่า 15 ชั่วโมง/วัน!
ซึ่งสอดคล้องกับแบบสำรวจในวารสารแพทย์เมื่อ 7 ปีที่แล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง
.
จึงทำให้ 90% ของแพทย์ลงความเห็นว่า
ไม่สามารถพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ
และต้องมาทำงานแม้ตัวเองจะมีอาการป่วยก็ตาม
จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำงานหมอในโรงพยาบาลใหญ่
รั่วไหลออกไป เพื่อเสาะแสวงหาสวัสดิการที่ตอบโจทย์กับชีวิตมากกว่า
ทั้งในเรื่องของเงิน เวลา และคุณภาพในการเป็นแพทย์อีกด้วย
.
.
4 ประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ👵🏻👴🏻
.
อย่างที่ทราบกันดีว่าประเทศของเรา
เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แล้ว
คือมีประชากรที่อายุ 60 ปีมากกว่า 20% ของประเทศ
ซึ่งมองผิวเผินก็ดูไม่มีปัญหาอะไร
และไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องทางการแพทย์ใช่ไหมคะ
.
แต่ทราบหรือไม่ว่าผู้สูงวัย 20% ภายในประเทศเรา
หรือคิดเป็นจำนวน 12.8 ล้านคนนี้
ล้วนเป็นคนแก่ที่ไม่แข็งแรง
จากสำนักสถิติแห่งชาติในปี 2564 เปิดเผยว่า
แบบสำรวจสุขภาพของผู้สูงอายุ
มีเพียงร้อยละ 3.3 ที่ถูกประเมินว่าเป็นคนแก่ที่สุขภาพดีมาก
และมีผู้สูงอายุถึงร้อยละ 1.3 ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง
.
หมายความว่ามีผู้ป่วยที่เป็นคนสูงวัย
อีกเป็นจำนวนมาก ที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
และนับวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากประเทศของเรากำลังเดินหน้า
เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอดภายในปี 2574 นี้
.
จากการคาดการณ์ดังกล่าว
ทำให้เราประเมินได้ว่า งานของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์
จะต้องยิ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน
และจากปัญหาจุดนี้ก็จะทำให้แพทย์เก่ง ๆ
พากันออกจากระบบไปหมด
เนื่องจากไม่สามารถรองรับคนไข้ที่ล้นโรงพยาบาลได้ไหว
.
.
5 ระบบสาธารณสุขที่เข้าไม่ถึงต่างจังหวัด🏝️🏞️
.
จากแบบสำรวจค้นพบว่า
แพทย์ในพื้นที่ต่างจังหวัด
ต้องทำงานมากกว่าแพทย์ในเขตกรุงเทพฯ 2-3 เท่า
จากตัวเลขสถิติแพทย์ในจังหวัดบึงกาฬ
ต้องรองรับจำนวนผู้ป่วย 1:5,021 คน!
ในขณะที่แพทย์ในพื้นที่กรุงเทพฯ รองรับ 1:630 คน
.
สิ่งที่น่าสนใจคือ
มีพื้นที่สีแดง ที่แพทย์ต้องรองรับประชากร 1:4,000
อยู่อีกหลายจังหวัดทั่วประเทศไทยค่ะ
นั่นเป็นเพราะระบบสาธารณสุขของเรา
ยังปูพื้นเรื่องการรักษาสุขภาพให้ประชาชนได้ไม่ดีมากพอ
วัดได้จากสถิติ Poll สำนัก STC ที่เปิดเผยว่า
ประชากรไทยกว่า 98% ขาดความรู้ด้านสาธารณสุข
.
ทำให้แพทย์ที่ผลิตเข้ามาในระบบมากเท่าไหร่
ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการเลย
หนำซ้ำแพทย์ที่ถูกส่งไปยังพื้นที่ที่ขาดแคลนคน
ก็ต้องรับมือกับจำนวนคนไข้ที่เกินขอบเขตอีกด้วย
จึงทำให้แพทย์ไทยสมองไหลออกไปตามระเบียบค่ะ
.
.
🚩หากเราตั้งใจที่จะแก้ไขเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง
ไม่ใช่การตั้งคำถามว่า
“จะเพิ่มแพทย์ให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับความต้องการได้อย่างไร”
แต่ควรตั้งคำถามว่า
🚩“จะทำอย่างไรให้ประชากรไทยสุขภาพดีขึ้น
เพื่อลดงานของแพทย์ให้น้อยลง”
.
📣พรรคไทยสร้างไทยจึงต้องการผลักดันนโยบาย 30 บาทพลัส
“พลัส” สิ่งดีๆ ให้เพิ่มขึ้นจาก “30 บาทรักษาทุกโรค”
.
🟢โดยการใช้ระบบ DIY Healthcare 4P คือ
Predictive คาดการณ์ถึงโรคที่จะเกิดในอนาคต
Personalized ลักษณะส่วนบุคคล วิเคราะห์-ออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับคนๆ นั้น
Participatory มีส่วนร่วม ดึงคนรอบตัวเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ
Preventive ป้องกัน ร่วมกันดูแลป้องกันไม่ให้เกิดโรคร้ายแรง
.
📱โดยกระบวนการทั้ง 4 เราจะดึง AI อย่าง Chat bot มาเข้าร่วม
ที่เรียกว่า หมอมือถือ Mobile Doctor
ซึ่งจะเป็นหมอประจำตัวเบื้องต้นของประชาชนทุกคน
สามารถสอบถาม พูดคุย และถามอาการของโรคได้ 24 ชั่วโมง
.
💰ลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาในการนั่งรถไปหาหมอที่ต้องคอยนาน
และแพทย์ก็ลดงานลงจากจำนวนคนไข้ที่ไม่ต้องไปออกันที่โรงพยาบาล
.
🚩ซึ่ง Mobile Doctor ตัวนี้ถามว่าได้ประสิทธิภาพเท่าคนเหรอ❓
.
🟢 หมอมือถือ AU มีความรู้สูงสอบได้ใบรองรับทางการแพทย์จากสหรัฐอเมริกา
.
อีกทั้งยังได้คะแนนเฉลี่ยจากการสอบมากกว่า 80% ในทุกรายวิชาด้วยค่ะ แต่ก็ยังสู้แพทย์จริงที่ต้องวินิจฉัยโรคอย่างถี่ถ้วนไม่ได้นะคะ
.
🟢โดยตัว หมอมือถือ Mobile Doctor นี้จะทำงานเหมือนกับ ChatGPT ที่เราคุ้นเคย
หากมีอาการเจ็บป่วย สามารถสอบถามกับ Mobile Doctor ก่อนได้ หรือพูดคุยเป็นแพทย์จริงๆ ผ่านแอป
หากไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แอปฯ Mobile Doctor
จะทำการส่ง QR Code ให้ท่านไปรับยาใกล้บ้าน
.
แต่ถ้าหากมีอาการที่ต้องรักษาต่อ หรือเป็นโรคเฉพาะทาง
เจ้าแอปฯ Mobile Doctor ก็จะทำการนัดหมอเฉพาะทางให้เสร็จสรรพ
.
🚩พร้อมกันนั้นเรายังจะปูพื้นที่แนวทางสุขภาพของทั้ง
คนสูงวัยและคนรุ่นใหม่ให้แข็งแรงไปพร้อมๆ กัน
ด้วยหลัก 4P DIY Healthcare ร่วมกับนโยบายบำนาญ 3,000
ที่จะทำให้สังคมไทยเป็นสังคม Well-being society ให้ได้ค่ะ
.
💖ถือเป็นช่องทางการช่วยบุคลากรทางการแพทย์
ไม่ให้ต้องรับมือกับคนไข้ที่ล้นโรงพยาบาลอีกต่อไป
อีกทั้งยังช่วยให้ประชาชนไม่ต้องรอคิวนานถึง 8 ชั่วโมงอีกแล้วด้วย
📣”ถึงเวลาเปลี่ยน 30 บาทรักษาทุกโรค
ให้เป็น 30 บาทพลัส เพิ่มสิ่งดีๆ ให้กับประชาชนคนไทยทุกคนค่ะ”🇹🇭