วันนี้นิคอยากพาทุกคนมาดู
สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในระบบการศึกษาไทย
ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่อาจทำให้เด็กไทย
หลุดออกจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และร่วมพูดคุยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา
ดังกล่าวไปพร้อมๆ กันค่ะ
.
จากผลสำรวจในปี 2565 เผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจ
ของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือ กยศ.
ที่มีจำนวนเงินในการค้างชำระสูงถึง 542,677 ล้านบาท
แบ่งเป็นเงินของผู้ที่กำลังผ่อนชำระ 452,677 ล้านบาท
และผู้ที่ขาดการผ่อนชำระไปเลยถึง 90,000 ล้านบาท
.
ต้องยอมรับค่ะว่าปัจจุบันเรื่องของการศึกษา
เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ
เนื่องจากการศึกษา
คือ บานประตูต่อยอดให้กับชีวิตคนทุกคน
และแน่นอนว่าการศึกษาควรจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
ที่เยาวชนภายในประเทศควรจะได้รับอย่างเท่าเทียม
.
แต่ในปัจจุบัน กฎหมายประเทศไทย
มีนโยบายให้เรียนฟรีรวม 15 ปีคือ
ตั้งแต่ชั้นอนุบาล1 – ม.6 เท่านั้นค่ะ
.
ซึ่งก็อย่างที่เราทราบกันดีว่าเงินค่าเทอมนั้นเรียนฟรีจริง
แต่ยังมีค่าบำรุงการศึกษา และค่าอื่นๆ
ของโรงเรียนที่เพิ่มเข้ามาอีก
จากรายงานพบว่าบางโรงเรียนแม้ปลอดค่าเทอมแล้ว
แต่ก็ยังต้องจ่ายเทอมละ 3-5 พันบาทเลยทีเดียว
โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าครูต่างชาติ
ค่าเสื้อกีฬาสี และอื่นๆ ฯลฯ ที่แอบแฝงเข้ามา
.
โดยสภาการศึกษาในปี 2564 ได้ระบุว่า
งบประมาณแม้จัดสรรไว้มากถึง 7.6 หมื่นล้านบาท
โดยกระจายให้ทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน
แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
เนื่องด้วยเหตุผลที่กล่าวอ้างว่าต้องนำเงินมาพัฒนารูปแบบการสอน
จ้างครูสอนพิเศษและยังมีค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอีกด้วย
.
จุดนี้เองค่ะที่เริ่มต้นปัญหาความเหลื่อมล้ำ
ทำให้ผู้ปกครองบางคนไม่สามารถที่จะ
รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของเยาวชนต่อได้
บางรายต้องสิ้นสุดโอกาสทางการศึกษา
ตั้งแต่ ป.6 หรือ ม.3 เท่านั้น
.
และในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้จากผลสำรวจพบว่า
มีเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา
มากกว่าแสนคน เพราะเป็นกลุ่มเด็กที่ยากจน
ไม่มีเงินสนับสนุน
.
ไม่ต้องถามถึงเด็กที่จะรอเข้าสู่ระดับอุดมศึกษาเลยค่ะ
เพราะเด็กกลุ่มดังกล่าวไม่มีทางมาถึงรั้วมหาวิทยาลัยได้
เนื่องจากหลุดออกนอกระบบไปตั้งแต่วัยมัธยม
จากระบบการเรียนฟรีที่ไม่มีอยู่จริง
.
ซึ่งเงินในการส่งเสียเยาวชนเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา
จากผลสำรวจค้นพบว่าต้องมีเงินอย่างน้อย 1 แสนบาท
โดยยังไม่รวมค่ากิน ค่าหอพัก และค่าเดินทาง
ของเด็กในชีวิตประจำวันเลยค่ะ
.
จึงทำให้ผู้ปกครองที่สภาพทางเศรษฐกิจไม่ดี
ไม่สามารถที่จะส่งเสียบุตรหลานของตัวเองเรียนต่อได้
นิคเชื่อว่าไม่ใช่เพราะไม่อยากส่งหรอกค่ะ
แต่เป็นเพราะไม่มีเงินเพียงพอที่จะผลักดันเยาวชน
เข้าไปอยู่ในระบบที่ไม่รองรับต่อการศึกษาอย่างแท้จริง
.
หลายคนอาจบอกว่า “ก็ กยศ. ไง ลองไปกู้ยืมดูหรือยัง?”
อันที่จริงกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา
เป็นกองทุนที่มีประโยชน์มากสำหรับเด็กหลายๆ คนเลยค่ะ
เพราะช่วยทำให้เด็กๆ ยังมีอนาคตที่จะเล่าเรียนต่อ
และเป็นบานประตูเปิดสู่โอกาสของเด็กไทยมาหลายสิบปี
.
แต่จะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าหากในอนาคตเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบนี้
อีกต่อไป อย่าลืมนะคะว่า กองทุนกู้ยืมการศึกษา
แค่ให้ “กู้ยืม” เท่านั้น นั่นหมายความว่า
เมื่อเด็กจบออกมาแล้วก็ต้องรับภาระหนี้ต่อไปอีก
.
ในยุคที่เศรษฐกิจยากและไม่เอื้ออำนวยต่อการตั้งตัวขนาดนี้
เด็กที่เพิ่งจบออกมาคนหนึ่งต้องแบกรับภาระหนี้อีกเป็นแสนๆ
แล้วพวกเขาจะสามารถตั้งตัวเพื่อมีอนาคตทางการเงินที่แข็งแรง
หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร?
.
จากสถิติที่นิคเอาให้ดูตั้งแต่ด้านต้นเป็นตัวชี้ให้เห็นแล้วว่า
กฎหมายเรียนฟรียังมีข้อบกพร่องอยู่มากเพียงใด
เพราะเยาวชนที่เข้ากู้ยืม กยศ. มีกว่า 6.28 ล้านคน (ผลสำรวจปี 2565)
และมีจำนวนกว่า 2.5 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ
ที่ขาดการส่งชำระหนี้ หรือก็คือ หนีหนี้ไปเลยไม่ทำการส่งเงินอีก
ทำให้ กยศ. ยังไม่ได้รับเงินคืนกว่า 90,000 ล้านบาท
เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยนะคะ
.
และอะไรจะเกิดขึ้นหากยังมีผู้ที่เข้ามากู้ยืมแล้วไม่ผ่อนชำระต่อ?
คำตอบ คือ ในที่สุดกองทุนนี้ก็จะไม่สามารถอยู่ได้
เพราะเงินที่จะปล่อยกู้ให้กับผู้กู้รายใหม่ๆ นั้นไม่มีเหลืออีกต่อไป
เด็กๆ และเยาวชนที่ต้องการเงินสนับสนุนทางการศึกษาจริงๆ
ก็จะกลายเป็นเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาไทยไปโดยปริยาย
เนื่องจากกฎหมายเรียนฟรี 15 ปีมันใช้ไม่ได้จริง
เด็กจบมาใหม่ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะชำระหนี้ต่อ
และเศรษฐกิจก็ไม่เอื้อให้พ่อแม่หาเงินได้มากพอที่จะส่งลูกเรียน
วนเป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดค่ะ
.
แล้วเราจะแก้ได้อย่างไร?
เพราะไทยสร้างไทยเห็นปัญหานี้อย่างชัดเจนค่ะ
พวกเราเลยเสนอ “นโยบายเรียนฟรี”
ที่เป็นการเรียนการสอนฟรีจริงๆ ไม่มีค่าแอบแฝง
และจะเป็นระบบการเรียนฟรี “ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา”
ไม่จำเป็นต้องมีใครแบกหน้าไปกู้ยืมเรียนอีกต่อไป
และจะไม่มีเยาวชนคนไหนมีหนี้ตั้งแต่เรียนจบแน่นอน
.
เพราะเราจะเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่
โดยจะลดเวลาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยให้น้อยลง
จาก 4 ปีให้เหลือแค่ 2-3 ปีเท่านั้น
เน้นการเรียนตามความชอบของผู้เรียน
เน้นทักษะที่นำไปประกอบวิชาชีพ หรือใช้ได้จริงในชีวิตการทำงาน
.
พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการเรียนที่ผู้เรียนสามารถออกแบบได้ด้วยตัวเองค่ะ
ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามุ่งเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
เราเปิดเสรีให้เด็กเลือก และลองเรียนในแบบที่ตัวเองสนใจ
ลดภาระทางความเครียด ลดภาระทางการเรียน และได้จบออกไปไว
เพื่อสานฝันที่ตัวเองต้องการ
.
อีกทั้งเราจะเปิดการเรียนให้เป็นแบบ Hybrid
คือมีทั้งออนไลน์และออนไซต์
เพื่อที่เด็กทั่วประเทศจะได้เข้าถึงการเรียนแบบระดับอุดมศึกษาได้
แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็ไม่ต้องตัดการเรียนออกไปจากชีวิต
เพราะสามารถเรียนผ่านหน้าจอได้เลย
.
รวมถึงเราจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
เช่นผู้นำองค์กร ผู้นำด้านแฟชั่น ผู้นำด้านการทำสื่อ
ให้เข้ามาสอนออนไลน์แก่เด็กทั่วประเทศ
และทั้งหมดนี้เราจะทำให้เกิดขึ้นฟรี
ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าเรียนได้
.
อย่าให้เด็กคนไหนต้องหลุดออกไปจากระบบการศึกษา
เพราะ“การศึกษาถึงระดับปริญญา” ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
ที่เด็กไทยทุกคนควรได้รับ ตั้งแต่ลืมตาเกิดขึ้นมาในประเทศนี้ค่ะ