เรียนฟรีไม่มีอยู่จริง เด็กไทยเป็นหนี้ กยศ. กว่า 5 แสนล้านบาท เกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาไทย? โดย ดร.สุวดี - ดร.นิค dr.nick สุวดี พันธุ์พานิช dr.suwadee

เรียนฟรีไม่มีอยู่จริง เด็กไทยเป็นหนี้ กยศ. กว่า 5 แสนล้านบาท เกิดอะไรขึ้นกับระบบการศึกษาไทย? โดย ดร.สุวดี

วันนี้นิคอยากพาทุกคนมาดู

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในระบบการศึกษาไทย

ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่อาจทำให้เด็กไทย

หลุดออกจากระบบการศึกษาขั้นพื้นฐาน

และร่วมพูดคุยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหา

ดังกล่าวไปพร้อมๆ กันค่ะ

.

จากผลสำรวจในปี 2565 เผยให้เห็นตัวเลขที่น่าตกใจ

ของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาหรือ กยศ.

ที่มีจำนวนเงินในการค้างชำระสูงถึง 542,677 ล้านบาท

แบ่งเป็นเงินของผู้ที่กำลังผ่อนชำระ 452,677 ล้านบาท

และผู้ที่ขาดการผ่อนชำระไปเลยถึง 90,000 ล้านบาท

.

ต้องยอมรับค่ะว่าปัจจุบันเรื่องของการศึกษา

เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ

เนื่องจากการศึกษา

คือ บานประตูต่อยอดให้กับชีวิตคนทุกคน

และแน่นอนว่าการศึกษาควรจะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน

ที่เยาวชนภายในประเทศควรจะได้รับอย่างเท่าเทียม

.

แต่ในปัจจุบัน กฎหมายประเทศไทย

มีนโยบายให้เรียนฟรีรวม 15 ปีคือ

ตั้งแต่ชั้นอนุบาล1 – ม.6 เท่านั้นค่ะ

.

ซึ่งก็อย่างที่เราทราบกันดีว่าเงินค่าเทอมนั้นเรียนฟรีจริง

แต่ยังมีค่าบำรุงการศึกษา และค่าอื่นๆ

ของโรงเรียนที่เพิ่มเข้ามาอีก

จากรายงานพบว่าบางโรงเรียนแม้ปลอดค่าเทอมแล้ว

แต่ก็ยังต้องจ่ายเทอมละ 3-5 พันบาทเลยทีเดียว

โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าครูต่างชาติ

ค่าเสื้อกีฬาสี และอื่นๆ ฯลฯ ที่แอบแฝงเข้ามา

.

โดยสภาการศึกษาในปี 2564 ได้ระบุว่า

งบประมาณแม้จัดสรรไว้มากถึง 7.6 หมื่นล้านบาท

โดยกระจายให้ทั้งโรงเรียนรัฐและเอกชน

แต่ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

เนื่องด้วยเหตุผลที่กล่าวอ้างว่าต้องนำเงินมาพัฒนารูปแบบการสอน

จ้างครูสอนพิเศษและยังมีค่ากิจกรรมพัฒนาผู้เรียนอีกด้วย

.

จุดนี้เองค่ะที่เริ่มต้นปัญหาความเหลื่อมล้ำ

ทำให้ผู้ปกครองบางคนไม่สามารถที่จะ

รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของเยาวชนต่อได้

บางรายต้องสิ้นสุดโอกาสทางการศึกษา

ตั้งแต่ ป.6 หรือ ม.3 เท่านั้น

.

และในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้จากผลสำรวจพบว่า

มีเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา

มากกว่าแสนคน เพราะเป็นกลุ่มเด็กที่ยากจน

ไม่มีเงินสนับสนุน

.

ไม่ต้องถามถึงเด็กที่จะรอเข้าสู่ระดับอุดมศึกษาเลยค่ะ

เพราะเด็กกลุ่มดังกล่าวไม่มีทางมาถึงรั้วมหาวิทยาลัยได้

เนื่องจากหลุดออกนอกระบบไปตั้งแต่วัยมัธยม

จากระบบการเรียนฟรีที่ไม่มีอยู่จริง

.

ซึ่งเงินในการส่งเสียเยาวชนเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา

จากผลสำรวจค้นพบว่าต้องมีเงินอย่างน้อย 1 แสนบาท

โดยยังไม่รวมค่ากิน ค่าหอพัก และค่าเดินทาง

ของเด็กในชีวิตประจำวันเลยค่ะ

.

จึงทำให้ผู้ปกครองที่สภาพทางเศรษฐกิจไม่ดี

ไม่สามารถที่จะส่งเสียบุตรหลานของตัวเองเรียนต่อได้

นิคเชื่อว่าไม่ใช่เพราะไม่อยากส่งหรอกค่ะ

แต่เป็นเพราะไม่มีเงินเพียงพอที่จะผลักดันเยาวชน

เข้าไปอยู่ในระบบที่ไม่รองรับต่อการศึกษาอย่างแท้จริง

.
หลายคนอาจบอกว่า “ก็ กยศ. ไง ลองไปกู้ยืมดูหรือยัง?”

อันที่จริงกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา

เป็นกองทุนที่มีประโยชน์มากสำหรับเด็กหลายๆ คนเลยค่ะ

เพราะช่วยทำให้เด็กๆ ยังมีอนาคตที่จะเล่าเรียนต่อ

และเป็นบานประตูเปิดสู่โอกาสของเด็กไทยมาหลายสิบปี

.

แต่จะดีกว่ามั้ยคะ ถ้าหากในอนาคตเราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบนี้

อีกต่อไป อย่าลืมนะคะว่า กองทุนกู้ยืมการศึกษา

แค่ให้ “กู้ยืม” เท่านั้น นั่นหมายความว่า

เมื่อเด็กจบออกมาแล้วก็ต้องรับภาระหนี้ต่อไปอีก

.
ในยุคที่เศรษฐกิจยากและไม่เอื้ออำนวยต่อการตั้งตัวขนาดนี้

เด็กที่เพิ่งจบออกมาคนหนึ่งต้องแบกรับภาระหนี้อีกเป็นแสนๆ

แล้วพวกเขาจะสามารถตั้งตัวเพื่อมีอนาคตทางการเงินที่แข็งแรง

หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างไร?

.

จากสถิติที่นิคเอาให้ดูตั้งแต่ด้านต้นเป็นตัวชี้ให้เห็นแล้วว่า

กฎหมายเรียนฟรียังมีข้อบกพร่องอยู่มากเพียงใด

เพราะเยาวชนที่เข้ากู้ยืม กยศ. มีกว่า 6.28 ล้านคน (ผลสำรวจปี 2565)

และมีจำนวนกว่า 2.5 ล้านคนเลยทีเดียวค่ะ

ที่ขาดการส่งชำระหนี้ หรือก็คือ หนีหนี้ไปเลยไม่ทำการส่งเงินอีก

ทำให้ กยศ. ยังไม่ได้รับเงินคืนกว่า 90,000 ล้านบาท

เป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยนะคะ

.

และอะไรจะเกิดขึ้นหากยังมีผู้ที่เข้ามากู้ยืมแล้วไม่ผ่อนชำระต่อ?

คำตอบ คือ ในที่สุดกองทุนนี้ก็จะไม่สามารถอยู่ได้

เพราะเงินที่จะปล่อยกู้ให้กับผู้กู้รายใหม่ๆ นั้นไม่มีเหลืออีกต่อไป

เด็กๆ และเยาวชนที่ต้องการเงินสนับสนุนทางการศึกษาจริงๆ

ก็จะกลายเป็นเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาไทยไปโดยปริยาย

เนื่องจากกฎหมายเรียนฟรี 15 ปีมันใช้ไม่ได้จริง

เด็กจบมาใหม่ก็ไม่แข็งแรงพอที่จะชำระหนี้ต่อ

และเศรษฐกิจก็ไม่เอื้อให้พ่อแม่หาเงินได้มากพอที่จะส่งลูกเรียน

วนเป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดค่ะ

.

แล้วเราจะแก้ได้อย่างไร?

เพราะไทยสร้างไทยเห็นปัญหานี้อย่างชัดเจนค่ะ

พวกเราเลยเสนอ “นโยบายเรียนฟรี”

ที่เป็นการเรียนการสอนฟรีจริงๆ ไม่มีค่าแอบแฝง

และจะเป็นระบบการเรียนฟรี “ตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา”

ไม่จำเป็นต้องมีใครแบกหน้าไปกู้ยืมเรียนอีกต่อไป

และจะไม่มีเยาวชนคนไหนมีหนี้ตั้งแต่เรียนจบแน่นอน

.

เพราะเราจะเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่

โดยจะลดเวลาเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยให้น้อยลง

จาก 4 ปีให้เหลือแค่ 2-3 ปีเท่านั้น

เน้นการเรียนตามความชอบของผู้เรียน

เน้นทักษะที่นำไปประกอบวิชาชีพ หรือใช้ได้จริงในชีวิตการทำงาน

.

พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการเรียนที่ผู้เรียนสามารถออกแบบได้ด้วยตัวเองค่ะ

ไม่จำเป็นต้องเสียเวลามุ่งเรียนในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ

เราเปิดเสรีให้เด็กเลือก และลองเรียนในแบบที่ตัวเองสนใจ

ลดภาระทางความเครียด ลดภาระทางการเรียน และได้จบออกไปไว

เพื่อสานฝันที่ตัวเองต้องการ

.

อีกทั้งเราจะเปิดการเรียนให้เป็นแบบ Hybrid

คือมีทั้งออนไลน์และออนไซต์

เพื่อที่เด็กทั่วประเทศจะได้เข้าถึงการเรียนแบบระดับอุดมศึกษาได้

แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็ไม่ต้องตัดการเรียนออกไปจากชีวิต

เพราะสามารถเรียนผ่านหน้าจอได้เลย

.

รวมถึงเราจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน

เช่นผู้นำองค์กร ผู้นำด้านแฟชั่น ผู้นำด้านการทำสื่อ

ให้เข้ามาสอนออนไลน์แก่เด็กทั่วประเทศ

และทั้งหมดนี้เราจะทำให้เกิดขึ้นฟรี

ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าเรียนได้

.

อย่าให้เด็กคนไหนต้องหลุดออกไปจากระบบการศึกษา

เพราะ“การศึกษาถึงระดับปริญญา” ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน

ที่เด็กไทยทุกคนควรได้รับ ตั้งแต่ลืมตาเกิดขึ้นมาในประเทศนี้ค่ะ

Facebook
Twitter
LinkedIn
Pinterest

ร้องเรียน - ร้องทุกข์