Ranking อันดับแอลกอฮอล์ที่กินแล้วอ้วนน้อยที่สุด - ดร.นิค dr.nick สุวดี พันธุ์พานิช dr.suwadee

Ranking อันดับแอลกอฮอล์ที่กินแล้วอ้วนน้อยที่สุด

[ข้อมูล] Ranking อันดับแอลกอฮอร์ที่กินแล้วอ้วนน้อยสุด

[ FB ] 12 อันดับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กินแล้วอ้วนน้อยที่สุด
.
วันนี้เรามาอ่านกันเกี่ยวกับเรื่องเครื่องดื่มมีนเมาบ้างค่ะ
ปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่คู่กับมนุษย์มานาน
มีหลาดชนิด หลาดประเภท สารพัดสูตรทั่วโลก

แต่รู้ไหมคะ ว่าแอลกอฮอล์แต่ละขวดแต่ละแก้วบางชนิดนี่
ให้พลังงานหรือจำนวนแคลอรี่สูงเกือบเท่าที่ร่างกายต้องการเชียวค่ะ
ยกตัวอย่าง เช่น เหล้าหนึ่งขวดจะมีแคลลอรี่อยู่ที่ 1 พัน – 2 พันแคล
สูงเกือบเท่าค่าเฉลี่ย 2,400 แคลอรี่ที่ร่างกายต้องการต่อวัน

ถ้ากินเบียร์ 2 ขวดจะได้แคลอรี่เฉลี่ย 300-400 แคล
เทียบแล้วจะเท่ากับกินข้าวเกือบ 4 ทัพทีเลยนะคะ
เฉลี่ยแล้วเกือบจะเท่า 1 มื้ออาหารถ้าดื่มเบียร์ต่อวัน 3 ขวด
เปรียบแล้วเหมือนกินข้าว 4 มื้อต่อวันเลยค่ะ

ไม่แปลกเลยที่เราจะอ้วนลงพุง แต่ไม่ใช่แค่อ้วนนะคะ
เผลอ ๆ อาจจะได้สารพัดโรคที่เกี่ยวข้องกับตับ
อย่างโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ โรคความดันโลหิตสูง ก็เป็นได้ค่ะ

แต่จะให้เลิกเลยก็ยาก แต่ใจก็อยากลดน้ำหนักลงบ้าง
วันนี้นิคพาทุกคนมารู้จักกับแอลกอฮอล์ที่มีแคลอรี่น้อย
รวมถึงคุณประโยชน์เล็ก ๆ ในแอลกอฮอล์ถ้าดื่มกันอย่างเหมาะสมค่ะ
<คำเตือน> เป็นการจัดอันดับตามปริมาณหน่วยบริโภคต่อวันนะคะ
เพราะการดื่มที่ดีไม่ควรดื่มในปริมาณที่มากเกินไปตามกำหนด
ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับสุขภาพร่างกายแทนที่จะได้ประโยชน์ค่ะ
<หน่วยบริโภค 12 ออนซ์ หรือขนาด 1 กระป๋อง>

    1 Hard Seltzer

    น้ำอัดลมผสมแอลกอฮอล์ที่มีปริมาณใกล้เคียงกับเบียร์
    อยู่ที่ 4-6% เป็นเครื่องดื่มชนิดใหม่ที่กำลังนิยมในอเมริกา
    ดื่มง่ายและมีค่าพลังงานหรือแคลอรี่อยู่ที่ 70-100 ต่อกระป๋อง
    น้อยกว่าเบียร์ธรรมดาถึง 50-60 แคล แถมน้ำตาล 0%
    เหมาะกับคนที่อยากเริ่มลดน้ำหนักมากเลยค่ะ

    2 Hard Kombucha

    เป็นชนิดคอมบูชาที่หมักบ่มจนกลายเป็นเหล้าชนิดหนึ่ง
    ซึ่งมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 4-5% จากธรรมดาทีที่มีปริมาณเพียง 0.5%
    เป็นทางเลือกสำหรับคนชอบดื่มที่อยากจะลดน้ำหนักลง
    แถมยังมีประโยชน์เป็นอย่างมากต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้าน

    ไม่ว่าจะเป็นการลดการอักเสบของแผล
    ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารในกระเพาะ
    และป้องกันแบคทีเรียร้ายในลำไส้ได้อีกด้วยค่ะ
    แถมที่สำคัญคือมีแคลอรี่เพียง 80-90 เท่านั้น น้อยกว่าเบียร์ทั่วไป
    แม้จะมีปริมาณน้ำตาลอยู่ที่ 2-10 กรัมก็ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ

    3 Light Beer

    ถัดมากับทางเลือกของคนชอบดื่มเบียร์แต่ไม่อยากดื่มอย่างอื่น
    ไลท์เบียร์ เป็นเบียร์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์และแคลอรี่ต่ำค่ะ
    สั้น ๆ ก็คือมีปริมาณแอลกอฮอร์อยู่ที่ 4.2% จากปกติ 5%
    ทางด้านแคลอรี่นั้นอยู่ที่ 95-110 ต่างจากเบียร์ปกติ 50-60 แคลค่ะ
    ส่วนปริมาณน้ำตาลจะอยู่ที่ 0.1-0.3 กรัมต่อกระป๋อง

    ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงไขมันในเส้นเลือดลง
    และยังเหมาะกับคนที่ลดน้ำหนักแบบ Low-Carb และ Keto อีกด้วยนะคะ
    <หน่วยบริโภค 5 ออนซ์ หรือขนาด 1 แก้วไวน์>

    ถัดมากับเครื่องดื่มในชนิดไวน์กันบ้างค่ะ
    ขนาดและปริมาณก็จะลดลงจากรูปแบบกระป๋องค่ะ

    4 Prosesco

    เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มตระกูลไวน์ที่อาจไม่คุ้นหูกันเท่าไหร่
    เป็นไวน์ขาวชนิดมีฟองคล้ายกับเชมเปญค่ะ
    แต่งต่างกันแคว้นที่ผลิตในประเทศอิตาลีและชนิดองุ่นที่ใช้
    ที่สำคัญคือมีปริมาณแคลอรี่อยู่ที่ 90 กิโลแคลอรี่ ส่วนน้ำตาลอยู่ที่ 1.5 กรัม
    และปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12% (ไวน์ปกติ 15-18%)

    โดยในโปรเซกโกไวน์ยังมีสารโพลิฟีนอล
    ที่ช่วยในเรื่องของการลดคามดันและการไหลเวียนโลหิต
    ช่วยให้เส้นเลือดต่าง ๆ มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
    นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ
    ทั้งช่วยลดความมันสำหรับคนผิวมันอีกด้วยนะคะ

    5 Champagne

    เหมือนกับโปรเซกโก แชมเปญคือหนึ่งในเครื่องดื่มไวน์
    โดยมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12%
    แต่มีแคลอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 95 กิโลแคลอรี่ และน้ำตาลที่ 2 กรัม

    การดื่มเชมเปญจะช่วยในเรื่องของความจำในสมอง
    ช่วยบำรุงหัวใจเช่นเดียวกับไวน์แดงและไวน์ขาว
    ลดความเสี่ยงโรคเบาหวานถึง 13%เหมือนกับไวน์ชนิดอื่น ๆ
    ยังช่วยในด้านอารมณ์เพราะมีธาตุสังกะสีและโพแทสเซียม

    เห็นข้อดีแบบนี้แล้วคงอาจจะต้องขยับมาดื่มไวน์แล้วสินะคะ
    แต่ยังมีตัวเลือกในไวน์อีก 2 ชนิดนะคะ เรามาต่อกันเลยค่ะ!

    6 White wine

    ตามมาด้วยไวน์ขาวนะคะ
    โดยเป็นไวน์ที่มีสารคอนจีเนอร์ที่น้อยกว่าไวน์ชนิดอื่น
    ทำให้มีอาการเมาค้างน้อยกว่าไวน์ชนิดอื่น ๆ
    (*สารคอนจีเนอร์มักจะมีน้อยในแอลกอฮอล์ที่มีสีอ่อน)

    ไม่ใชเพียงแค่อาการเมาค้างน้อยลงนะคะ
    แต่ประโยชน์ของไวน์ขาวยังมีอีกสารพัด
    เด่น ๆ เลยก็คือช่วยทำให้สุขภาพปอดดีขึ้นมากกว่าไวน์แดง
    ทั้งยังทำให้เซลล์สมองแข็งแรง ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์

    เช่น เดียวกันโปรเซกโกและแชมเปญ
    ไวน์ขาวเองก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในองุ่น
    ซึ่งช่วยในการลดคอเลสเตอรอล
    และป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ จากอนุมุลอิสระ เช่น โรคมะเร็งค่ะ

    โดยสัดส่วนแคลอรี่จะอยู่ที่ 115 กิโลแคลอรี่ต่อแก้ว
    คาร์โบไฮเดรตอยู่ที่ 3.7 กรัม และน้ำตาลอยู่ที่ 1-2 กรัมค่ะ

    7 Red wine

    สุดท้ายกับไวน์แดง ราชาในหมู่ไวน์ที่หลายคนยกย่อง
    ให้เป็นอันดับหนึ่งในด้านของคุณประโยชน์กับร่างกายมนุษย์

    ไม่ว่าจะมีสารต้านอนุมูลอิสระสารพัดประโยชน์ต่อร่าง
    ช่วยลดคอเลสตอรอลที่ไม่ดีในร่างกาย
    บำรุงหัวใจ ป้องกันการแข็งตัวของเลือด
    เหมือนในไวน์จากทั้ง 3 ข้อจากข้างบนเลยค่ะ

    แต่ข้อที่ต่างกันคือไวน์แดงมีแคลอรี่สูงกว่าค่ะ
    โดยอยู่ที่ระหว่าง 125 กิโลแคลขึ้นไป
    มีคาร์โบไฮเดรตอยู่ที่ 3.8 กรัม น้ำตาล 1-2 กรัม
    และปริมารแอลกอฮอล์อยุ่ 12-15%
    <หน่วยบริโภค 1.5 ออน์ หรือขนาด 1 แก้วช็อต>

    สุดท้ายกับหัวข้อสุรากรั่นกันนะคะ
    โดยที่เราสังเกตได้ว่าสุรากลั่นจะมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 40%
    และส่วนใหญ่จะมีสีเข้ม ซึ่งมีสารคอนจีเนอร์สูงค่ะ
    ทำให้มีอาการเมาค้างกันเสียส่วนใหญ่

    ดังนั้นปริมาณการดื่มตามหน่วยบริโภคจึงน้อยตามค่ะ
    อยู่ที่ 1.5 ออนซ์ หรือ 1 แก้วช็อตต่อวัน
    เกินมากกว่านี้จะเกิดผลเสียต่อร่างกายนะคะ!

    8 Tequila

    เริ่มกันกับเตกีลาค่ะ เป็นแอลกอฮอล์ที่กลั่นมาจากต้นอะกาเว่ (Agave)
    ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองที่กลายเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศเม็กซิโก
    โดยมีสัดส่วนแอลกฮอล์อยู่ที่ 40-50%
    มีกิโลแคลอรี่อยู่ที่ 69 ต่อหนึ่งแก้วช้อต
    ส่วนปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล จะอยู่ที่ 0 กรัมค่ะ

    ในเตกีลาจะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มาจากต้นอะกาเว่
    ที่ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้นกันจากโรคภัยต่าง ๆ
    นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มธาตุเหล็กในร่างกาย
    และแก้ไขอาการนอนไม่หลับอีกด้วยนะคะ

    แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดในประโยชน์ของเตกีลา
    แต่หลายสำนักยังให้ข้อมูลว่าเตกีลาอาจจะช่วยในเรื่องของ
    โรคกระดูกพรุน ป้องกันเบาหวานชนิดที่ 2
    หรือแม้แต่ลดโอกาสการเกิดภาวะสมองเสื่อม

    แต่ไม่ว่ายังไงการดื่มเยอะก็ก่อให้เกิดโรคนะคะ
    เพราะเตกีล่ามีสารคอนจีเนอร์สูงปรี๊ดในลิสจัดอันดับนี้เลยค่ะ

    9 Vodka

    พูดถึงวอดก้าทุกคนคงคุ้นเคยกันดีกับสุรากลั่นชนิดนี้
    เพราะเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมกันในสากลโลกค่ะ

    ถ้าเราสังเกตกันจะเห็นว่าวอดก้าเป็นสุรากลั่นสีใส
    โดยมีสารคอนจีเนอร์ที่น้อยที่สุดในบรรดาสุรากลั่น
    แต่ถึงแบบนั้นปริมาณแอลกอฮอลก็สูงใช่เล่นค่ะอยู่ที่ 40-50%
    มีปริมาณพลังงานอยู่ที่ 97 กิโลแคลอรี่
    ส่วนคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลนั้นจะอยู่ที่ 0 กรัม

    เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ไม่น้อยเลยค่ะ
    ช่วยกำจัดกลิ่นปาก ฆ่าแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่แผล
    เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์บางชนิด
    ลดอาการปวดฟัน บรรเทาความเจ็บโรคข้ออักเสบ

    ทั้งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีปะสิทธิภาพ
    รวมถึงคอเลสเตอรอลได้จริงมากกว่าเบียร์และไวน์

    10 Rum

    เป็นสุราที่กลั่นมาจากพืชอ้อยหรือกากน้ำตาลค่ะ
    เป็นที่นิยมในอดีตเนื่องจากมีราคาถูกและมีรสชาติที่แรง

    เช่นเดียวกับวอดก้า รัมเองก็มีแคลลอรี่เท่ากันค่ะ
    โดยมีแคลอรี่อยู่ที่ 97 กิโลแคลอรี่
    ส่วนคาร์โบไฮเรตและน้ำตาล 0 กรัม
    แต่จะมีปริมาณแอลกอฮอล์เฉลี่ยอยู่ที่ 50%
    และบางครั้งก็จะมีชนิดที่กลั่นให้เกินค่ามาตราฐาน 57.5%
    บางครั้งสูงถึง 70-90% เลยก็มีค่ะ

    เหล้ารัมมักใช้ดื่มเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว
    ช่วยฆ่าแบคทีเรียร้ายและช่วยรักษาโรคไข้หวัด
    ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อจากการทำงานหนัก
    ทั้งยังมีคำเคลมว่าช่วยป้องกันโรคทางจิตเวชอีกด้วยนะคะ

    นอกจากนี้ยังไม่น่าเชื่อว่าจะยังช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
    โดยลดความเสี่ยงมะเร็งไตถึง 38% เชียวนะคะ
    ทั้งยังมีส่วนช่วยในการป้องกันมะเร็งต่อมไทรอยด์
    และมะเร็งต่อมน้ำเหลืออีกนะคะ!

    11 Whiskey

    สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดกับวิสกี้ สุรากลั่นที่หมักจากธัญพืช

    ไม่เหมือนวอดก้าและรัมจากข้อด้านบน วิสกี้มีแคลอรี่สูงค่ะ
    อยู่ที่ 105 กิโลแคลอรี่ต่อแก้วช็อต
    มีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลอยู่ที่ 0 กรัม
    ส่วนปริมาณแอลกอฮอล์จะอยู่ที่ 35-40%

    คุณประโยชน์คล้ายกัน ๆ กับชนิดสุรากลั่นค่ะ
    ขับไล่ความหนาวเย็นในร่างกาย ต่อสู้กับไข้หวัด
    ลดความเครียด ลดความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อม
    ทั้งยังป้องกันการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2

    หรือแม้แต่การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันด้วยกรดเอลลาจิก (ellagic acid)
    ที่เป็นสารโพลีฟีนอลเช่นเดียวในไวน์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
    นอกจากนี้ 1 แก้วช็อตยังช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
    รวมถึงลดความเสี่ยงภาวะโรคหัวใจล้มเหลวอีกด้วยค่ะ

    12 Gin

    จบกันกับอันดับสุดท้ายด้วยเหล้าจินค่ะ
    เป็นสุรากลั่นจากผลจูนิเปอร์ที่คนรุ่นใหม่นิยมดื่มกัน
    กลั่นและผลิตโดยตั้งใจให้เป็นยารักษาโรคในสมัยก่อน
    แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นสุรายอดนิยมเทนค่ะ

    มีปริมาณแอลกอฮอล์เฉลี่ยอยู่ที่ 35-55%
    มีค่าพลังงานอยู่ที่ 110 กิโลแคลอรี่
    ส่วนปริมาณคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลนั้น 0 กรัมค่ะ

    เป็นหนึ่งในสุรากรั่นที่มีสารคอนจีเนอร์น้อย
    ดื่มแล้วจะไม่มีอาการเมาค้างเท่าดื่มสุรากลั่นตัวอื่น

    ประโยชน์ก็พอมีบ้างค่ะสำหรับเจ้าตัวนี้
    เนื่องจากกลั่นและทำมาจากผลจูนิเปอร์ซึ่งอยู่ในตระกูลเบอร์รี่
    ทำให้สุราจินมีสารต้านอนุมูลอิสระเหมือนองุ่นในไวน์
    ป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ และดีต่อผิวพรรณ ทำให้ดูหนุ่มสาวค่ะ

    นอกจากนี้ผลจูนิเปอร์ยังอุดมไปด้วยคุณสมบัติ
    ในการต่อสู้กับอาการติดเชื้อในร่างกาย รักษาอาการไข้หวัด
    ขับเสมหะในลำคอ ลดอาการคั่งของเหลวในปอด
    บรรเทาอาการปวดเรื้อรัง และการอักเสบในไขข้ออีกด้วยนะคะ
    มีประโยชน์ค่อนข้างมากไม่แพ้สุรากลั่นตัวอื่นเลยค่ะ

    เป็นยังไงบ้างค่ะกับอันดับแอลกอฮอล์ที่ดื่มแล้วอ้วนน้อยลง
    เห็นแบบนี้แล้วการดื่มให้เหมาะสมต่อวันก็มีข้อดีใช่ย่อยเลยค่ะ

    Facebook
    Twitter
    LinkedIn
    Pinterest

    ร้องเรียน - ร้องทุกข์