สุวดี ไทยสร้างไทย เตือนพบผู้ป่วยโควิดเจ็บคอรุนแรง อ่อนเพลียหนัก เป็นกลุ่มก้อน แนะรัฐจูงใจฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงก่อนโควิด XBB ระบาด หลังยอดคนไทยฉีดเข็ม 3 ไม่ถึงครึ่ง
วันที่ 20 ตุลาคม 2565ดร.สุวดี พันธุ์พานิช กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย และคณะทำงานด้านสาธารณสุข เปิดเผยว่า “สถานการณ์โควิด19ไทยเบาบางลงเนื่องจากมีผู้ติดเชื้อพร้อมกันไปจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งมีภูมิคุ้มกันอยู่ แต่สายพันธุ์โอมิครอนที่ระบาดก่อนหน้านี้ไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อน ระดับภูมิคุ้มกันไม่สูง ติดซ้ำได้แม้ในระยะ 2-4 สัปดาห์ ทำให้พบผู้ติดเชื้อซ้ำจำนวนหนึ่ง”
“ตนได้ลงพื้นที่พูดคุยกับบุคลาการทางการแพทย์ที่ให้การดูแลผู้ป่วยโควิดในโรงพยาบาล พบว่าขณะนี้ผู้ป่วยที่เข้ารักษาส่วนใหญ่มีอาการคล้ายกัน คือเจ็บคอรุนแรง จนพูดไม่ได้ ไข้สูง มีอาการอ่อนเพลียหนัก เดินไม่ได้ หมดแรง แม้ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงสุขภาพ ซึ่งต่างจากอาการของผู้ติดโควิดในเดือนก่อน ที่แม้มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอแต่ไม่รุนแรง”
“ขณะไม่กี่วันที่ผ่านมามีการแจ้งผลสุ่มตรวจ 128 ราย พบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์ย่อยโอมิครอน XBB เป็นผู้เดินทางมาจากต่างจำนวน 2 ราย แต่มีรายงานก่อนหน้าในฮ่องกงว่าพบผู้ที่เดินทางมาจากไทยติดเชื้อสายพันธุ์นี้ 3 ราย ตนขอให้รัฐใช้กลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น เพื่อล้อมกรอบการระบาด เนื่องจากในหลายประเทศมีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงจากการระบาดของ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย XBB และพบผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสุขภาพต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น”
“วัคซีนยังมีความจำเป็นเพื่อป้องกันอาการเป็นหนัก รายงานการฉีดวัคซีนในหมอพร้อมระบุจำนวนผู้รับเข็ม 3 เพียง 26 ล้านคน ไม่ถึงครึ่งของจำนวนประชากร และได้เพียงครึ่งของผู้ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ซึ่งส่วนใหญ่ทิ้งช่วงการรับวัคซีนไปกว่าปี รัฐต้องสร้างแรงจูงใจในการฉีดวัคซีน นอกจากนั้นยารักษาโควิด อย่าง Paxlovid และ Monulpiravir ยังไม่สามารถหาซื้อเองได้ในร้านขายยาเนื่องจากรัฐยังตั้งเงื่อนไขผู้เข้าถึงยา ทั้งราคาต้นทุนที่จำหน่ายในรพ.เอกชนยังมีราคาสูงมากแตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านหลายเท่าตัว ตนจึงขอให้รัฐทบทวนเรื่องราคายาและการกระจายยารักษาให้คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้สะดวก ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินการเปิดประเทศฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไม่สะดุดอย่างที่เคยเป็นมา ประชาชนบอบช้ำมามากแล้ว” ดร.สุวดี กล่าว